เจนนี่ คนรุ่นใหม่วัยยี่สิบห้าปี แม้เพศกำเนิดจะเป็นชาย แต่เธอมีเพศวิถีเป็นผู้หญิง หรือเรียกว่าคนในสังคมเรียกว่าสาวข้ามเพศ เจนนี่มีความฝันอยากบรรจุเป็นข้าราชการครู แต่สอบไม่ผ่านสักที เธอจึงสมัครเป็นนักการภารโรงประจำโรงเรียนรัฐบาลแห่งหนึ่งย่านชานเมือง ซึ่งเป็นโรงเรียนเก่าของเธอสมัยเรียนมัธยมศึกษา เพื่อหารายได้ระหว่างเตรียมสอบบรรจุไปพลางๆ อาชีพภารโรงต้องคอยดูแลความสะอาดเรียบร้อยของโรงเรียน เปิดและปิดโรงเรียนตามกะเวลา และดูแลซ่อมแซ่มครุภัณฑ์ เช่น เก้าอี้หรือโต๊ะเรียนในโรงเรียน ซึ่งถือว่าไม่ใช่งานหนักสำหรับวัยรุ่นมีพละกำลังเหลือเฟืออย่างเจนนี่ ทั้งยังได้ใช้ชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมโรงเรียน เด็กนักเรียน และได้สังเกตุการสอนของเหล่าคุณครูในโรงเรียนอีกด้วย เจนนี่เข้ามาทำงานภารโรงได้จากการพิจารณาจากผอ.คนเก่าที่เห็นเจนนี่มาตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ที่นี่และไม่มีข้อกังขาใดๆต่ออัตลักษณ์ทางเพศของเจนนี่
.
เริ่มต้นสัปดาห์ใหม่ของเดือนพฤษภาคม เจนนี่กำลังหมกมุ่นกับการเตรียมชุดไปเดินขบวนเทศกาลไพรด์ ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกเดือนมิถุนายนของทุกปี เพื่อเป็นการสนับสนุนและผลักดันสิทธิเสรีภาพของกลุ่มหลากหลายทางเพศในประเทศและทั่วโลก โดยกลุ่มคนหลากหลายทางเพศจะแต่งตัว จัดขบวนพาเหรดเพื่อแสดงออกถึงข้อเรียกร้องต่างๆที่ไม่เท่าเทียมทางเพศ รวมถึงมีผู้คนทั่วไปมาร่วมโบกธงสีรุ้งเพื่อสนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศด้วย เจนนี่จึงมาปรึกษาจิรเจน คุณครูหมวดภาษาต่างประเทศซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกับเจนนี่ที่เคยเรียนที่นี่ด้วยกันสมัยมัธยม แต่ดันสอบบรรจุได้ก่อนเจนนี่ ระหว่างปรึกษาเรื่องชุดกัน จิรเจนก็ชวนเจนนี่คุยเรื่องผอ.คนใหม่ที่กำลังจะย้ายเข้ามาในสัปดาห์นี้
.
งานต้อนรับ ผอ.คนใหม่ ขณะที่เจนนี่กำลังจัดเตรียมสถานที่บนเวทีในห้องโถงของโรงเรียน เจนนี่ก็พบผอ.คนใหม่ที่พึ่งเดินเข้ามาหลังเวที เจนนี่ทำการทักทายสวัสดี แต่ผอ.ไม่ยินดีกับภารโรงอย่างเจนนี่นัก เนื่องจากแต่งตัวเครื่องแบบพนักงานชายแต่ไว้ผมยาวและแต่งหน้าเป็นผู้หญิง ที่ยังพูดคะขา แทนตัวเองว่าหนู เจนนี่รู้สึกผิดหวังที่ผอ.คนใหม่กังขาใน อัตลักษณ์ทางเพศของตนและโกรธในใจที่รู้สึกถูกกีดกันทางสังคม
.
เจนนี่นำเรื่องนี้ไปเล่าให้จิรเจนฟัง และจิรเจนเองก็ได้พบสถานการณ์แบบนี้เช่นกัน จากการพบปะผอ.คนใหม่ โดยผอ.ตำหนิจิรเจนที่มีผมยาวและแต่งหน้าแบบครูผู้หญิง แม้แต่งกายด้วยเครื่องแบบข้าราชการครูชาย แต่จิรเจนกลับใส่รองเท้าคัชชูแบบผู้หญิง เจนนี่ได้ฟังเรื่องราวจากจิรเจน ผสมกับความรู้สึกที่ตนพบเจอกับผอ.คนใหม่ จึงต้องการต่อสู้เพื่อสิทธิการแต่งตัวและการถูกปฏิบัติอย่างเท่าเทียมของบุคคลหลากหลายทางเพศที่รับข้าราชการ จิรเจนคิดไอเดียการแต่งตัวเดินขบวนงานเทศกาลไพรด์ในเดือนหน้าได้แล้ว
.
ที่งานเทศกาลไพรด์เจนนี่แต่งกายในชุดข้าราชการครูผู้หญิงถืออุปกรณ์ทำความสะอาดของภารโรง ร่วมเดินขบวน และชูป้ายเรียกร้อง “พนักงานข้าราชการต้องได้สิทธิแต่งกายตามเพศสภาพได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย” เจนนี่ได้รับความสนใจจากผู้ร่วมเดินขบวนและนักข่าวที่มาทำข่าว จนถูกถ่ายทำและให้สัมภาษณ์เรื่องราวของตนแบบสั้นๆ ออกรายการข่าวหิ้วกระแส รายการข่าวช่วงเย็นที่มักตีประเด็นข่าวนำเสนอจนเข้าสู่กระแสสังคมและมีผู้ชมเป็นจำนวนมากทั้งจากระบบฟรีทีวีและโลกออนไลน์
.
หลังจากข่าวเจนนี่แพร่กระจายและได้รับความสนใจจากประชาชนทั้งประเทศ คุรุสภา และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จึงได้ประกาศให้ครูและพนักงานข้าราชการสามารถแต่งกายตาม "เพศวิถี" ได้เพื่อความเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน และการคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ อีกทั้งทางโรงเรียนมัธยมศึกษาหลายแห่งในประเทศก็ได้ประกาศให้นักเรียนที่มีเพศวิถีเป็นหญิง สามารถไว้ผมยาวรวบผมแบบได้ด้วย ครูจิรเจนเพื่อนของเจนนี่สามารถแต่งกายด้วยเครื่องแบบครูผู้หญิงไปสอนได้ และผอ.ของโรงเรียนก็ได้อนุญาติให้นักเรียนเพศชายที่มีเพศวิถีเป็นหญิงที่โรงเรียนสามารถไว้ผมยาวได้แบบนักเรียนหญิงเช่นกัน