เจน พนักงานธนาคารวัย 43 ปี ที่กำลังจะได้ประกาศเลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นผู้จัดการสาขา แทนที่หัวหน้าที่กำลังจะเกษียณ ผลจากการทำงานเก่ง ทำให้เจนมีผลงานโดดเด่นแซงหน้าเพื่อร่วมงานจนหัวหน้าเตรียมเลื่อนขั้นให้กับเธอ เย็นวันหนึ่ง เจนขับรถไปรับ แม็คและมิล์ค จากสถาบันกวดวิชาตามปกติเหมือนเช่นทุกวัน ระหว่างทางกลับบ้าน คุณเชษฐ์ สามีของเธอได้โทรศัพท์ชวนเจนและลูกๆ เข้าไปรับประทานอาหารเย็นที่โรงแรมที่เขาทำงานอยู่ เจนและลูกๆ รับรู้ได้ทันทีว่ากำลังจะมีข่าวดีอย่างแน่นอน คุณเชษฐ์ถึงได้ชวนรับประทานอาหารมื้อใหญ่เช่นนี้
.
เมื่อเจนและลูกๆมาถึง คุณเชษฐ์ก็ประกาศข่าวดีให้ทุกคนทราบว่า คุณเชษฐ์ ได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้บริหารระดับสูง ที่ได้รับหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยของโรมแรมทั้งในไทยและต่างประเทศ ทุกคนร่วมกันฉลองให้กับความสำเร็จในครั้งนี้ อาหารมื้อใหญ่ทยอยออกมาเสิร์ฟอย่างไม่ขาดสาย สลับกับเสียงหัวเราะ
.
หลังจากกลับถึงบ้าน คุณเชษฐ์ได้เข้าไปแจ้งข่าวดีกับคุณแม่ และส่งคุณแม่เข้านอน เจนเข้ามายินดีกับคุณเชษฐ์อีกครั้งตามประสาสามีภรรยา คุณเชษฐ์จึงเข้ามาปรึกษากับเจนว่า หลังจากที่เขาได้รับตำแหน่งนี้แล้ว เขาคงไม่มีเวลาไปรับ-ส่ง ลูกๆ สลับกับเจนแบบที่เคยทำ รวมถึงการดูแลคุณแม่ของเขา ที่เพิ่งตรวจพบว่าเป็นโรคอัลไซเมอร์ อีกทั้งลูกๆ ทั้ง 2 คน ที่กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ คุณเชษฐ์จึงขอให้เจน ลาออกจากงานประจำมาเป็นแม่บ้านเต็มตัว พร้อมกับยื่นข้อเสนอให้เงินเดือนเจน เท่ากับที่เจนเคยได้รับ เจนคิดหนักว่าจะเลือกครอบครัวที่เธอรัก หรือตำแหน่งที่เธอใฝ่ฝัน
.
เจนเอาเรื่องทุกข์ใจนี้ไปปรึกษากับโรส เพื่อนสนิทในที่ทำงาน โรสไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่เจนจะลาออก ทิ้งหน้าที่การงานและตำแหน่งที่ใครๆหลายคนใฝ่ฝัน การรอให้สามีเลี้ยงอย่างเดียวจะไปมีคุณค่าอะไร ต้องยืนด้วยลำแข้งตัวเองสิถึงจะถูก ลาออกไปทำเช่นนั้นไม่ต่างจากคนใช้คนหนึ่ง เมื่อได้ยินคำแนะนำจากเพื่อนสนิท ยิ่งทำให้เจนคิดหนักกว่าเดิม คุณเชษฐ์แวะมารับเจนที่ธนาคาร เพื่อสะสางเรื่องที่ยังไม่ได้ข้อสรุป เจนลองมานั่งคำนวณดู และตัดสินใจว่ายอมลาออกจากงานที่เธอรัก เพื่อกลับไปดูแลครอบครัวของเธอ
.
คุณเชษฐ์ต้องเดินทางไปดูงานที่สาขาต่างประเทศทุกเดือน สลับกับอยู่ที่ประเทศไทยบ้าง การดูแลคนในบ้านแทบทั้งหมดจึงตกมาอยู่ที่เจน ถึงแม้จะมีแม่บ้านคอยช่วยงานบ้านอยู่บ้าง แต่หน้าที่การดูแลลูกๆ ตื่นเช้าทำอาหาร ขับรถไปรับไปส่งลูกๆ รวมถึงต้องคอยดูแลแม่สามีที่ต้องเข้าโรงพยาบาลอยู่บ่อยครั้ง ทั้งหมดนี้ตกเป็นหน้าที่ของเจนแค่คนเดียว ช่วงแรกเจนยังรู้สึกเสียดายงานประจำที่เคยทำอยู่บ้าง แต่พอหันกลับมาเจอรอยยิ้มลูกๆของเธอ และคำขอบคุณของคุณแม่สามี เจนก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ตัดสินใจผิดที่ลาออกจากงานมา
.
แต่แล้วคนรอบข้างกลับชอบพูดเหน็บแนมเจนอยู่บ่อยครั้ง ทั้งป้าสายสมร คุณป้าวันเกษียณข้างบ้าน ที่ตอนเช้าชอบมารดน้ำต้นไม้ และชวนเจนพูดคุยอยู่เสมอ คอยพูดเหน็บแนมเจนอยู่บ่อยครั้งว่าเจนเกาะสามีกิน ไม่ยอมไปทำงาน ไม่มีคุณค่า อีกหน่อยเดี๋ยวสามีก็ทิ้ง ถ้าสามีทิ้งเจนจะเอาเงินที่ไหนมาดูแลตัวเอง คำพูดเหล่านี้ยิ่งทำให้เจนกลับมาคิดไม่ตกอีกครั้งว่าตัวเองทำถูกต้องแล้วหรือไม่
.
ขณะนั้นคุณเชษฐ์ ที่กำลังกลับมาจากการทำงานที่ต่างประเทศมาได้ยินเข้า จึงอธิบายกับป้าสายสมรไปว่า เขาต่างหากที่เป็นคนขอร้องให้เจนลาออกจากงานมาเพื่อดูแลลูกๆ และคุณแม่ของเขา อีกทั้งเขายังให้เงินเดือนกับเจนเทียบเท่ากับตอนที่เจนทำงานอยู่ เขารู้สึกซาบซึ้ง และต้องขอบคุณเจนด้วยซ้ำที่ยอมเสียสละตัวเองเพื่อครอบครัวขนาดนี้ ส่วนเรื่องที่คุณป้าสายสมรกังวลว่าวันหนึ่งเขาจะทิ้งเจน ตัวคุณเชษฐ์เองไม่กังวลเรื่องนั้นเลย เพราะเจนทำหน้าที่ทั้งภรรยา และแม่ของลูกได้เป็นอย่างดี
.
เจนยิ้มและเอ่ยขอบคุณสามีอันเป็นที่รัก และเจนได้ข้อสรุปแล้วว่า ต่อให้ใครจะพูดอย่างไร แต่เจนและครอบครัวรู้ดีว่าคุณค่าของเจนอยู่ที่การดูแลคนที่รักอย่างดี เจนได้ทำหน้าที่ภรรยา และแม่ของลูกอย่างดีที่สุด เพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว