บทความ / รู้จักผู้หญิงจีนผ่านวรรณกรรม
News & Analysis
รู้จักผู้หญิงจีนผ่านวรรณกรรม
08 มี.ค. 68
797
รูปภาพในบทความ รู้จักผู้หญิงจีนผ่านวรรณกรรม

“มีลูกผู้หญิง เปรียบเสมือนมีส้วมอยู่หน้าบ้าน”  

“ลูกผู้หญิง แต่งงานออกไปแล้วก็ไปเป็นสมบัติของคนอื่น”  

“ผู้หญิงเป็นช้างเท้าหลัง ต้องอยู่กับเหย้า เฝ้ากับเรือน เป็นแม่บ้านแม่เรือน”  

ตัวอย่างคำเปรียบเปรยเหล่านี้ เคยถูกใช้เพื่อบ่งบอกสถานะของผู้หญิงในหลายสังคมในเอเชียว่าเป็นรองหรือไม่ถูกให้ความสำคัญและให้คุณค่ามากทัดเทียมผู้ชาย หนึ่งในประเทศที่เห็นชัดเจนคือ จีน ซึ่งมีค่านิยมการให้ความสำคัญกับเพศชายเป็นใหญ่ เห็นได้ทั้งจากการสืบทอดสายตระกูลใช้แซ่ สถานะของผู้หญิงทั้งในบทบาท ลูกสาว เมีย สะใภ้ และแม่ ล้วนแล้วแต่ต้องรับใช้และดูแลผู้ชายทุกคนในบ้าน กระทั่งเมื่อเป็นแม่คน ออกไปนอกบ้านยังต้องถูกเรียกว่า แม่ของ...(ชื่อลูกชาย/ลูกสาว) หรือ เมียของ...(ชื่อสามี)  เพราะชื่อจริงของพวกเธอถูกลบเลือนไป สิ่งที่คนจดจำคือ เธอเป็นเมียหรือแม่ของใคร

เนื่องในวันสตรีสากล 8 มีนาคม 2568 ชวนผู้อ่านมารู้จักผู้หญิงจีน ในพ.ศ.ยุคใหม่ว่าบทบาท สถานะและการยอมรับพวกเธอเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ผ่านวิทยานิพนธ์ของ ดร.รัฐพร  สวรรค์พิทักษ์ จากคณะอักษรศาสตร์จุฬาฯ เรื่อง “การศึกษาเรื่องเพศวิถีและอัตวิสัยของผู้หญิงผ่านผลงานวรรณกรรมจีน แนวสตรีนิยมของนักเขียนหญิง: หวังอันอี้ เถี่ยหนิงและฉือลี่” (สาขาปรัชญา) ศึกษาผลงานนวนิยายจากนักเขียนชื่อดังของจีน 3 คน เล่าให้ฟังว่าภาพของผู้หญิงที่ถูกถ่ายทอดโดยมุมมองจากนักเขียนซึ่งเป็นผู้หญิงเช่นกันนั้นจะสะท้อนสภาพสังคม ความเป็นอยู่ รวมทั้งวิธีคิดของคนในยุคร่วมสมัยนั้นเป็นอย่างไร

ยุคร่วมสมัยของจีน นับตั้งแต่ช่วงที่เปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบคอมมิวนิสต์ 1 ตุลาคม 1949 มาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งมีเหตุการณ์สำคัญ ๆ หลายเรื่องที่ส่งผลต่อการพัฒนาประเทศ อาจแบ่งโดยคร่าวเป็นช่วงเวลาที่ประธานเหมายังมีชีวิตอยู่ ยุคหลังประธานเหมาเสียชีวิตแล้ว ต่อมาเติ้งเสี่ยวผิงมีบทบาทและเปิดประเทศด้านเศรษฐกิจรับการลงทุนจากต่างชาติ รวมทั้งช่วงเวลา 10 ปีของการปฎิวัติวัฒนธรรม (ค.ศ.1966-1976) ที่เรียกได้ว่าเป็นยุคมืดและตกต่ำที่สุดครั้งหนึ่งของจีน เพราะกลุ่มเรดการ์ดใช้อำนาจกดขี่ผู้คนโดยไร้ความปราณี มาจนถึงปัจจุบัน

ดร.รัฐพร เล่าว่า เหตุที่สนใจนักเขียนหญิงจีนทั้ง 3 คนนี้ เพราะต่างมีผลงานโดดเด่นในยุคร่วมสมัย ทั้งหมดเกิดในช่วงทศวรรษ 1950 จึงมีประสบการณ์และเติบโตในหลายช่วงเวลาที่มีความเปลี่ยนแปลงสำคัญในบ้านเมือง ตั้งแต่ประเทศยังไม่พัฒนา ยุคตกต่ำ จนเริ่มเปิดกว้างและก้าวหน้าขึ้น ดังนั้นฉากหลังในนวนิยายจึงเป็นเหตุการณ์หรือสถานการณ์จริงของสังคมจีน ที่กลายเป็นส่วนหนึ่งของบันทึกประวัติศาสตร์ไปด้วย 

นักเขียนทั้ง 3 คนนี้ เป็นผู้หญิง ตัวละครเอกในเรื่องคือผู้หญิง เขียนเนื้อหาโดยใช้แนวคิดสตรีนิยมและใช้ภูมิหลังเกี่ยวโยงประวัติศาสตร์ การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองจีนในช่วงเวลาต่าง ๆ ที่สำคัญคือถ่ายทอดสิ่งที่ผู้หญิงจีนได้รับผลกระทบหรือถูกกระทำจากผู้ชายและสังคมที่ให้คุณค่ากับความเป็นชายมากกว่า สะท้อนประสบการณ์ที่ไม่ดี เป็นปัญหาในอดีต ต้องการสื่อสารว่าผู้หญิงมีศักยภาพที่จะพึ่งพาตัวเองได้ ประสบความสำเร็จได้ เพื่อเปลี่ยนมุมมองและความคิดของคนในสังคมให้เข้าใจบทบาทของผู้หญิงใหม่ 

ดร.รัฐพร ยกตัวอย่างงานวรรณกรรมของฉือลี่ เรื่อง “อรุณสวัสดิ์ คุณผู้หญิง” ที่ประพันธ์ในปี ค.ศ. 1998 เธอให้ตัวละครเอกเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็ง ไม่ได้สนใจการแต่งตัวสวยงาม ให้ความสำคัญกับครอบครัวเป็นเรื่องหลักแล้วกลับพบว่าสามีนอกใจไปกับสาวใช้ นำไปสู่การทะเลาะ ขอหย่าแล้วเธอกลับมาปฏิวัติตัวเองใหม่ รักตัวเองมากขึ้น เนื้อเรื่องมีการวิพากษ์วิจารณ์นโยบายประธานเหมาด้วย เพราะขณะนั้นรัฐบาลคอมมิวนิสต์รณรงค์ความเท่าเทียมหญิงชาย ส่งเสริมให้ผู้หญิงออกไปทำงานนอกบ้านได้ แต่งตัวและใช้ชีวิตเหมือนผู้ชาย ผู้หญิงตัดผมสั้น นุ่งกางเกง ไม่ต้องรักสวยรักงาม ไม่แต่งหน้า

“ดูเหมือนว่าสังคมจีนจะเปิดกว้างกว่าประเทศอื่น ๆแต่แท้จริงแล้ว กลายเป็นการผลักและเพิ่มภาระให้ผู้หญิงเพิ่มขึ้น จากมุมมองของนักเขียนกลับพบว่า ที่จริงแล้วนโยบายนี้เป็นการเพิ่มภาระให้กับผู้หญิง เป็น 2 เท่า เพราะต้องรับผิดชอบทั้งงานภายในบ้านและงานนอกบ้าน การที่รัฐบาลจีนบอกว่า จะให้แนวทางนี้เป็นการสร้างความเท่าเทียมในสังคมแต่กลับซ่อนประเด็นความเหลื่อมล้ำอยู่มากมาย”

อีกตัวอย่างจากงานเขียนของ เถี่ยหนิง เรื่อง “ประตูกุหลาบ” ซึ่งประพันธ์ในปี ค.ศ.1988 ตัวละครเองเป็นหญิงสาวสมัยใหม่ ฉลาด แต่ยอมแต่งงานคลุมถุงชนตามความต้องการของพ่อแม่ แล้วกลับไปพบสามีไม่ดี นอกใจ สร้างหนี้สินท่วมท้น ไม่รับผิดชอบ เธอพยายามเป็นเมียและแม่ที่ดี แต่ไม่ได้รับการยอมรับหรือเห็นคุณค่าทั้งจากสามีและครอบครัวฝั่งสามี  จุดเปลี่ยนสำคัญคือสูญเสียลูกชายวัย 5 ขวบ ที่ป่วยและเสียชีวิตระหว่างเดินทางไกล รวมทั้งตัวของเธอที่ติดโรคจากสามี พอหายแล้วก็วางแผนแก้แค้นและขอหย่าจากสามี ซึ่งช่วงเวลานั้นตรงกับช่วงที่รัฐบาลจีนได้ออกกฎหมายการแต่งงานที่อนุญาตให้ผู้หญิงหย่ากับสามีได้และไม่สนับสนุนให้ผู้ชายมีเมียน้อย หลังจากหย่าแล้วนางเอกก็มีความกล้าที่จะไปขอชายหนุ่มคนใหม่แต่งงานด้วย 

ช่วงเวลา 10 ปีของยุคปฏิวัติวัฒนธรรม หนุ่มสาวจีนถูกส่งออกไปทำงานในชนบทเพื่อให้เรียนรู้ชีวิตให้เข้าใจความยากลำบากของเกษตรกร ชาวนาและคนที่อยู่ต่างจังหวัดห่างไกล ยากจน แต่กลับกลายเป็นยุคมืดของจีน เพราะกลุ่มผู้มีอำนาจใช้การกระทำที่รุนแรง โหดร้ายหลายอย่าง ทั้งใช้ความรุนแรง ทำลายข้าวของ ใช้อำนาจกับคนที่เห็นต่างโดยอ้างว่าเป็นกลุ่มศักดินา การข่มขืน  การลวนลาม รังแกคนอ่อนแอกว่า เป็นยุคที่ใช้นโยบาย ทำลาย 4 เก่า สร้างสรรค์ 4 ใหม่(ความคิดเก่า วัฒนธรรมเก่า  ประเพณี และความเคยชินเก่า) ความสุดโต่งของนโยบายนี้ ถูกกลุ่มเรดการ์ดนำไปใช้โดยไร้เหตุผล  

หวังอันอี้ นักเขียนหญิงชื่อดังอีกคนหนึ่งก็เติบโตในช่วงนี้และถูกส่งออกไปชนบทที่อานฮุยหลายปี  เธอได้เห็นวามโหดร้ายและความยากลำบากต่าง ๆจึงนำมาใส่เป็นฉากหลังและเรื่องราวในนวนิยายของเธอด้วย  

นวนิยายของเถี่ยหนิงใช้ฉากหลังในยุคนี้เช่นกันคืออีกเรื่อง “ผู้หญิงอาบน้ำ” บอกเล่าเรื่องตัวเอกเป็นผู้หญิงที่ถูกส่งไปใช้แรงงานในชนบท เธอต้องการหลุดพ้นหนีจากความลำบากนี้ เลยยอมไปมีความสัมพันธ์กับหมอหนุ่มคนหนึ่งเพื่อให้หมอเขียนใบรับรองแพทย์ว่าเธอป่วยจะได้ถูกส่งกลับเมือง แต่กลายเป็นว่าเธอท้อง ทำให้ความสัมพันธ์ของครอบครัว ทั้งกับพ่อและลูกสาวอีก 2 คนก็พังทลายไปด้วย เพราะเด็กที่เกิดมาล่าสุดกลายเป็นลูกชู้     

ดร.รัฐพร กล่าวเพิ่มเติมว่านักเขียนสะท้อนมุมมองตัวละครที่เป็นผู้หญิง โดยโยงกับประสบการณ์ตัวเอง เพื่อสะท้อนทั้งปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมจีนที่ชายเป็นใหญ่ ความไม่เท่าเทียมทางเพศ การกดขี่และการใช้ความรุนแรงที่มีอยู่จริง  สนับสนุนให้ผู้หญิงได้แสดงตัวตนออกมาผ่านบทบาทต่างๆจากเนื้อหาในนวนิยายเพื่อทำลายความเชื่อดั้งเดิมที่ให้ความสำคัญกับชายเป็นใหญ่ ด้วยความหวังว่า หากประเด็นเหล่านี้ได้รับการยอมรับมากขึ้นในสังคม จะทำให้ผู้หญิงจีนที่ถูกด้อยค่า ถูกเอารัดเอาเปรียบหรือถูกข่มเหงลดลง   

“ยุคปฏิวัติวัฒนธรรม ส่งเสริมให้คนควบคุมความรู้สึกทางเพศ ให้อดกลั้นไว้ ไม่ให้แสดงออกถึงความรักของหนุ่มสาวในที่สาธารณะ ซึ่งนักเขียนหลายคนก็พูดถึงประเด็นนี้และชี้ข้อดีข้อเสีย  โดยส่วนใหญ่อยากส่งเสริมให้มีการแสดงออกในเรื่องนี้โดยมองว่าความสัมพันธ์ทางเพศเป็นเรื่องธรรมชาติ ไม่ต้องกดข่มไว้  อยากให้แสดงออกถึงความแตกต่างทางเพศได้เป็นปกติ เช่นผู้หญิงจะแต่งตัว แต่งหน้า รักสวยรักงามบ้างก็ได้  เพราะถ้าหากให้ผู้หญิงทำทุกอย่างตามแบบผู้ชายเพื่อจะบอกว่าเราเท่าเทียมกันก็ไม่ใช่ ยิ่งไปเพิ่มอำนาจให้กับแนวคิดชายเป็นใหญ่”  

ผลงานเขียนของนักเขียนหญิงทั้ง 3 คน นับว่ามีอิทธิพลต่อผู้อ่านไม่น้อย นอกจากจะเป็นส่วนหนึ่งของบันทึกบอกเล่าเรื่องราวในสังคมจีน ก็ได้สะท้อนภาพของผู้หญิงจีนยุคใหม่ที่แตกต่าง นอกจากนี้นวนิยายหลายเรื่อง ยังได้ถูกแปลเป็นภาษาต่างประเทศด้วยรวมทั้งภาษาไทย คือบทพระราชนิพนธ์แปลในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี 

มาจนถึงปัจจุบันนี้ การยอมรับและความเข้าใจต่อผู้หญิงจีนไปไกลเกินกว่าการชูประเด็นสตรีนิยม เมื่อรัฐบาลจีนก้าวมามีบทบาทและต้องการสร้างการยอมรับในเวทีระหว่างประเทศ จึงเปิดกว้างมากขึ้น ยอมให้มีงานเขียนกล่าวถึงสิ่งที่เคยต้องห้ามในอดีต ผ่อนปรนให้ตีพิมพ์ผลงานได้ แพร่หลายมากขึ้นผ่านอินเตอร์เน็ต 

“สังคมจีนปัจจุบันนี้เปลี่ยนแปลงไปมากเพราะการศึกษาเป็นส่วนสำคัญ ทำให้ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของโลกต่างประเทศและมีความเปลี่ยนแปลงเร็วกว่าในสังคมเมือง  ที่น่าสนใจคือ ผลงานนักเขียนยุคใหม่นอกจากจะให้ความสำคัญและเห็นคุณค่าของผู้หญิงที่แตกต่างจากผู้ชาย  กล้าต่อสู้กับความไม่ถูกต้อง พึ่งพาตัวเองและประสบความสำเร็จได้แล้ว  ยังมีวรรณกรรมไม่น้อยที่เปิดเผยเรื่องของความรักในเพศเดียวกัน ซึ่งในอดีตนั้นเป็นเรื่องต้องห้ามและไม่ได้รับการยอมรับ” 

หมายเหตุ: 

1.วิทยานิพนธ์ เรื่อง “การศึกษาเรื่องเพศวิถีและอัตวิสัยของผู้หญิงผ่านผลงานวรรณกรรมจีน แนวสตรีนิยมของนักเขียนหญิง: หวังอันอี้ เถี่ยหนิงและฉือลี่” (สาขาปรัชญา) ของ ดร.รัฐพร วรรค์พิทักษ์ จากคณะอักษรศาสตร์จุฬาฯ ได้รับรางวัลวิทยานิพนธ์ระดับดี รางวัลสภาวิจัยแห่งชาติ ประจำปี 2568  จากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)   

2. นอกจากนี้ ผลงานของนักเขียนทั้ง 3 ท่าน ยังเป็นพระราชนิพนธ์แปลในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีหลายเล่ม เช่น 

2.1 “นารีนครา” (จีน : 她的城) (她的城, Tā de chéng) ผู้ประพันธ์ : ฉือลี่ 

2.1 “หมู่บ้านเล็กตระกูลเป้า” (小鲍庄) ผู้ประพันธ์ : หวังอันอี้

2.3 “ตลอดกาลน่ะนานแค่ไหน” (How Long Is Forever?) (永远有多远) ผู้ประพันธ์ : เถี่ยหนิง  


เขียนโดย โสภิต หวังวิวัฒนา 


 


ฟังรายการได้ทาง


แผ่นเสียง แผ่นเสียง
กำลังออกอากาศ ไม่มีการออกอากาศ แผ่นเสียง Radio แผ่นเสียง Podcast เล่นแผ่นเสียง พักแผ่นเสียง
คลิปเสียงถัดไป