ภารกิจอะพอลโล 15 (Apollo 15) อาจเป็นภารกิจที่ประสบความสำเร็จในหลายด้าน ทั้งการเป็นภารกิจแรกที่ได้มีการนำรถโรเวอร์ขึ้นไปขับบนพื้นผิวดวงจันทร์ รวมถึงการเป็นภารกิจแรกที่ถูกวางไว้ให้เป็นภารกิจอะพอลโลประเภท "J" ที่หมายถึงการสำรวจทางวิทยาศาสตร์ระยะยาวขึ้น หลังจากการทำภารกิจประเภท "G" ในอะพอลโล 11 ที่หมายถึงการลงจอดบนดวงจันทร์ครั้งแรก และประเภท "H" ในอะพอลโล 12 ถึง 14 ที่หมายถึงการทดลองการสำรวจดวงจันทร์อย่างเป็นระบบ
Lunar Roving Vehicle จากอะพอลโล 15 - ที่มา NASA/David Scott
แต่อะพอลโล 15 ก็ยังได้สร้างเรื่องอื้อฉาวที่สุดในวงการอวกาศ ณ เวลานั้น ที่ทำให้สามนักบินอวกาศของภารกิจไม่ได้กลับขึ้นสู่อวกาศอีกเลยเช่นกัน โดยเรื่องราวที่ว่าเริ่มต้นจากวัตถุชิ้นเล็ก ๆ ที่ดูไม่มีพิษภัยอย่าง "ซองจดหมาย"
เป็นที่คาดเดาได้ไม่ยากว่าสิ่งของที่เคยถูกนำไปดวงจันทร์และกลับลงมาที่โลกต้องมีคนอยากได้เป็นจำนวนมาก และแน่นอนว่าจากจำนวนที่จำกัด ทำให้สิ่งของเหล่านี้มีราคาสูง นั่นเป็นเหตุผลที่นักบินอวกาศทั้ง 3 คนได้ตัดสินใจนำซองจดหมายประมาณ 641 ซองขึ้นไปบนอวกาศด้วย แม้ว่าในจำนวนนั้นมีอยู่บางซองที่ได้รับอนุญาตโดยนาซ่า และนับเป็นของส่วนตัวนักบินอวกาศ หรือเป็นของที่นักบินอวกาศใช้เป็นของที่ระลึกให้คนรู้จัก แต่ก็มีจดหมาย 398 ซองที่นักบินได้นำขึ้นไปโดยไม่ได้รับอนุญาต
ซองจดหมายเหล่านี้ถูกนำไปยังพื้นผิวดวงจันทร์ ก่อนที่จะขนกลับลงมาที่โลก จดหมายที่ไม่ได้รับอนุญาต โดย 100 ซองถูกส่งไปให้เฮอร์แมน ซีเกอร์ (Hermann Sieger) พ่อค้าสแตมป์ผู้เป็นคนวางแผนการลักลอบในครั้งนี้ และนำซองจดหมายเหล่านี้ไปขาย ส่วนอีก 298 ซอง ก็แจกจ่ายกันระหว่างสามนักบินอวกาศ โดยซองจดหมาย 100 ซองของซีเกอร์ถูกนำไปขายในราคา 1500 ดอลล่าร์ต่อซองในปลายปี 1971
จนกระทั่งในปี 1972 ธุรกิจดังกล่าวก็ไปถึงหูนาซ่า จนทำให้นักบินอวกาศทั้ง 3 คนถูกตัดออกจากการเป็นลูกเรือชุดสำรองของอะพอลโล 17 พวกเขาถูกสอบสวน และโดนยึดจดหมายที่ยังไม่ได้ถูกนำไปขายไว้
หนึ่งในซองจดหมายของซีเกอร์ - ที่มา Heritage Auctions
ในท้ายที่สุดแล้ว ถึงแม้นักบินอวกาศจะยืนยันความบริสุทธ์ด้วยการชี้แจงว่าพวกเขาถูกโน้มน้าวด้วยเหตุผลที่ว่าภารกิจก่อน ๆ ก็ถูกทำการค้าในรูปแบบนี้เช่นกัน แต่พวกเขาทั้ง 3 คนก็ไม่ได้กลับขึ้นสู่อวกาศอีกเลย
ฟังรายการได้ทาง